ครั้งที่ 4
วันจันทร์ ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558
ความรู้ที่ได้รับ
วันนี้อาจารย์มีกิจกรรมให้ทำโดยอาจารย์กระดาษ1แผ่นพร้อมแจกถุงมือคนละ1ข้างโดยให้สวมมือข้างที่ไม่ถนัดแลเวให้วาดภาพมือข้างที่ไม่ถนัดลงไปให้เหมือนกับของจริง ดังภาพ
จากนั้นครั้งที่สองวาดโดยไม่ใส่ถุงมือให้เหมือนจริง ดังภาพ
สรุปคือ มือของเรานั้นอยู่กับเราตลอดเวลาแต่เราไม่เคยสังเกตหรือใส่ใจมือของเราเลยว่ามีรายละเอียดเป็นอย่างไงเปรียบได้คือครูอาจคิดว่าอยู่กับเด็กตลอดเวลาแต่ครูไม่สามารถจดจำราลละเอียดของเด็กทุกคนได้ทั้งหมดครูควรมีการจดบันทึกพฤติกรรมเด็กในขณะที่เห็นเลยไม่ใช่แค่จำแล้วค่อยมาบันทึกทีหลัง
เนื้อหาวันนี้ ... การสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติ
ทักษะของครูและทัศนคติ : ครูควรปรับทัศนคติของตนเองให้ได้ก่อนมองเด็กพิเศษเหมือนเด็กปกติ
การฝึกเพิ่มเติม : อบรมระยะสั้น สัมมนา สื่อต่างๆ
การเข้าใจภาวะปกติ : เด็กมักคล้ายคลีงกันมากกว่าแตกต่าง ครูต้องเรียนรู้ มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กปกติและเด็กพิเศษ
มองเด็กให้เป็นเด็ก
การคัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า : การเข้าใจพัฒนาการของเด็กจะช่วยให้ครูสามารถเห็นความแตกต่างของเด็ก
แต่ละคนได้ง่าย
ความพร้อมของเด็ก : วุฒิภาวะ แรงจูงใจ โอกาส
การสอนบังเอิญ (ใช้ได้ดีที่สุดในเด็กพิเศษ) : .ให้เด็กเป็นฝ่ายเริ่ม เด็กเข้าหาครูมากเท่าไหร่ยิ่งมีโอกาสในการสอนมากขึ้นเท่านั้นครูต้องพร้อมที่จะพบเด็ก (อย่าไล่เด็กหรือรำคาญเด็ก) ครูต้องสนใจเด็ก ครูต้องมีความรู้สึกที่ดีต่อเด็ก
อุปกรณ์ : มีลักษณะง่าย ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย สื่อที่ดีต้องมีวิธีการเล่นที่ไม่ตายตัว
ตารางประจำวัน : กิจกรรมต้องเรียงลำดับขั้นตอนและเด็กสามารถทำนายได้ว่าสิ่งต่อไปทำอะไร คำนึงถึงความเหมาะสมของเวลา
ความยืดหยุ่น : การอก้แผนสอนให้เหมาะสมอย่ายึดติดกับแผนที่เขียนมากจนเกินไปว่าจะต้องตรงตามแผนเสมอ
การใช้สหวิทยากร : .ใจกว้างต่อคำแนะนำของบุคคลในอาชีพอื่น
การเปลี่ยนพฤติกรรมและการเรียนรู้ (การให้แรงเสริม) : เด็กทุกคนสอนได้ เด็กเรียนไม่ได้เพราะไร้ความสามารถ เด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดโอกาส
เทคนิคการให้แรงเสริม (แรงเสริมทางสังคมจากผู้ใหญ่) : ความสนใจของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กนั้นสำคัญมาก มีแนวโน้มจะเพิ่มพฤติกรรมที่ดีของเด็ก และมักเป็นผลในทันที หากผู้ใหญ่ไม่สนใจพฤติกรรมที่ดีนั้นก็จะลดลงและหายไป
วิธีการแสดงออกถึงแรงเสริมจากผู้ใหญ่ : ตอบสนองด้วยวาจา การยืนหรือนั่งใกล้เด็ก พยับหน้ารับ ยิ้ม ฟัง สัมผัสทางกาย
ตัวอย่างเช่น การให้ตุ๊กตา |
หลักการให้แรงเสริมในเด็กปฐมวัย : ครูต้องให้แรงเสริมทันทีที่เด็กมีพฤติกรรมอันพึงประสงค์ครูต้องละเว้นความสนใจทันทีและทุกครั้งที่เด็กแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ครูควรให้ความสนใจเด็กนานเท่าที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์
การแนะนำหรือบอกบท : ย่อยงาน ลำดับความยากง่าย การลำดับงานเป็นการเสริมแรงเพื่อให้เด็กค่อยๆก้าวไปสู้ความสำเร็จ การบอกบทจะค่อยๆน้อยลงตามลำดับ
ขั้นตอนการให้แรงเสริม : สังเกต กำหนดจุดมุ่งหมาย วิเคราะห์งาน กำหนดจุดประสงค์ย่อยๆในงานแต่ละขั้น สอนจากง่ายไปยาก
การกำหนดเวลา : จำนวนและแรงความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กต้องมีความเหมาะสม
ความต่อเนื่อง : สอนแบบก้าวหน้าไปข้างหน้าหรือย้อนมาจากข้างหลัง
เด็กตักซุป : การจับช้อน การตัก การระวังไม่ให้น้ำในช้อนหกก่อนถึงปาก การเอาซุปออกจากช้อนก่อนถึงปาก
การแนะนำหรือบอกบท : ย่อยงาน ลำดับความยากง่าย การลำดับงานเป็นการเสริมแรงเพื่อให้เด็กค่อยๆก้าวไปสู้ความสำเร็จ การบอกบทจะค่อยๆน้อยลงตามลำดับ
ขั้นตอนการให้แรงเสริม : สังเกต กำหนดจุดมุ่งหมาย วิเคราะห์งาน กำหนดจุดประสงค์ย่อยๆในงานแต่ละขั้น สอนจากง่ายไปยาก
การกำหนดเวลา : จำนวนและแรงความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กต้องมีความเหมาะสม
ความต่อเนื่อง : สอนแบบก้าวหน้าไปข้างหน้าหรือย้อนมาจากข้างหลัง
เด็กตักซุป : การจับช้อน การตัก การระวังไม่ให้น้ำในช้อนหกก่อนถึงปาก การเอาซุปออกจากช้อนก่อนถึงปาก
การลดหรือหยุดแรงเสริม : ครูจะงดแรงเสริมกับเด็กที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทำอย่างอื่นและไม่สนใจเด็ก
ความคงเส้นคงวา : ครูต้องปฏิบัติกับเด็กอย่างสม่ำเสมอ
การประเมิน
อาจารย์ : เข้าสอนตรงเวลาชี้แจงเน้นเนื้อหาระเอียดเข้าใจง่ายครถ้วน มีการยกตัวอย่าง
เพื่อน : เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
ตนเอง : เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย มีการจำบันทึก
ความคงเส้นคงวา : ครูต้องปฏิบัติกับเด็กอย่างสม่ำเสมอ
การประเมิน
อาจารย์ : เข้าสอนตรงเวลาชี้แจงเน้นเนื้อหาระเอียดเข้าใจง่ายครถ้วน มีการยกตัวอย่าง
เพื่อน : เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม
ตนเอง : เข้าเรียนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย มีการจำบันทึก